นายเจนเจตน์ เจนนาวิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดสมุทรปราการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 9/2565
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 น.
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ มอบหมายให้ นายเจนเจตน์ เจนนาวิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดสมุทรปราการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 9/2565 ณ ห้องประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ โดยมี นายประทีป นทีทวีวัฒน์ ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ และคณะกรรมการฯ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง
ที่ประชุมร่วมติดตามข้อมูลสถานะโครงการที่ได้รับความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ
และที่ประชุมได้รับทราบรายงานสภาพอากาศและสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ข้อเสนอ/แนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดสมุทรปราการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในการนี้ที่ประชุมได้พิจารณาการเสนอแผนงาน/กิจกรรมที่จะดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ใน 7 วันข้างหน้า ดังนี้
1. ศูนย์ข้อมูลประชาสัมพันธ์ร่วม
– เพิ่มเติมอินโฟกราฟิกข้อมูลโดยเน้นข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ และข้อมูลทางวิชาการ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบอย่างกว้างขวาง ผ่านช่องทางต่างๆ
2. ศูนย์ประสานการปฏิบัติ
– กำหนดดำเนินการจัดกิจกรรมจิตอาสา จำนวน 24 ครั้ง และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 1,490 คน
3. ส่วนปฏิบัติการ
3.1 ชุดปฏิบัติการด้านคมนาคม
– ประชาสัมพันธ์แนะนำเพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมกับผู้รับบริการ ณ สำนักงานขนส่งฯ และมีแผนออกจุดตรวจวัดควันดำของรถ จำนวน 1 ครั้ง ในวันที่ 8 มีนาคม 2565
3.2 ชุดปฏิบัติการควบคุมการเผา
– ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้ประชาชนงดการเผา และเฝ้าระวังและตรวจสอบพื้นที่เผาไหม้ ในพื้นที่การเกษตร
3.3 ชุดปฏิบัติการควบคุมการก่อสร้าง
– ดำเนินการฉีดพ่นละอองน้เป็นประจำทุกวัน สำหรับงานดูดฝุ่น ทำความสะอาดผิวทาง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้าง อาจมีการปรับเพิ่มการดำเนินงานตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)
3.4 ชุดปฏิบัติการภาคอุตสาหกรรม
– มีแผนตรวจโรงงานอุตสาหกรรมที่ที่เหลือ โดยมุ่งเน้นพื้นที่ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)
3.5 ชุดปฏิบัติการทำความสะอาดและลดฝุ่นละอองในอากาศ
– เน้นลงพื้นที่เสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่แหล่งชุมชน และพื้นที่ที่มีสภาพการจราจรหนาแน่น ในทุกวันจนกว่าสถานการณ์ฝุ่นละอองจะคลี่คลาย
3.6 ชุดปฏิบัติการป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพ
– รายสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และคาดการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ผ่านช่องทางกลุ่มไลน์ เฝ้าระวังร้านค้าจำหน่ายหน้ากากอนามัยให้อยู่ในราคามาตรฐาน จัดกิจกรรมให้ความรู้ในหน่วยบริการสาธารณสุขทุกแห่ง และเฝ้าระวัง 4 กลุ่มโรค ได้แก่ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคตาอักเสบ และกลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือดและสมองอุดตันขาดเลือด
และประธานมีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่ฝ่ายเลขามีหนังสือสอบถามข้อมูลสถานะโครงการที่ได้รับความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยให้รายงานข้อมูลภายในวันที่ 8 มีนาคม 2565 และเนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อน หากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) คลี่คลายลงจะขออนุมัติผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการยุติการประชุมในปีนี้ แต่ยังคงให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ที่ประชุมร่วมรับทราบข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ดังนี้ ในช่วงนี้สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการมีแนวโน้มสูงขึ้น จึงขอให้ยกระดับความเข้มงวดของมาตรการ เน้นการดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ/แผนตอบโต้สถานการณ์ในช่วงวิกฤตตามที่กำหนดไว้ เป็นกลไกจัดการปัญหาฝุ่นละออง โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานตามหน้าที่อย่างเข้มข้น เร่งการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ควบคุมการบริหารจัดการการเผาในที่โล่ง การเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตร เพิ่มความเข้มข้นการตรวจจับรถควันดำและบังคับใช้กฎหมายทั้งรถขนาดเล็ก รถยนต์ขนาดใหญ่ รวมทั้งรถโดยสารสาธารณะ การควบคุมการก่อสร้างอาคาร การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า และลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากสถานการณ์อยู่ในภาวะที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพประชาชน ให้เร่งบูรณาการทุกหน่วยงานให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร็ว